ทุน Public Sector Innovation Scholarship (PSIS) 2552
PopSWOT:
ทุนสร้างสรรค์นวัตกรรมภาครัฐ เพื่อจูงใจคนเก่ง คนดี เข้ารับราชการ
จากการเปลี่ยนแปลงในระบบราชการทั้งจากภายนอกและภายใน ทำให้ระบบราชการต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง สำนักงาน ก.พ. ในฐานะองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลจึงต้องนำแนวคิดใหม่มาใช้ในการดึงคนเก่ง คนดีเข้าสู่ระบบราชการ ด้วยการนำเสนอทุนรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า ทุนสร้างสรรค์นวัตกรรมภาครัฐ หรือทุน Public Sector Innovation Scholarship (PSIS)
สำนักงาน ก.พ. ริเริ่มจัดสรรทุนสร้างสรรค์นวัตกรรมภาครัฐ มาตั้งแต่ปี 2550 ปีละ 10 ทุน เพื่อดึงดูดคนเก่ง คนดี มีศักยภาพเข้าสู่ระบบราชการ ด้วยการเปิดโอกาสให้นักเรียนทุนส่วนตัวที่กำลังศึกษาระดับปริญญาโท หรือ ปริญญาเอก ด้านวิทยาศาสตร์และด้านสังคมศาสตร์ ในสถาบันการศึกษาในต่างประเทศที่ ก.พ. รับรองคุณวุฒิ และสนใจนำความรู้มาพัฒนาระบบราชการ ด้วยการนำเสนอโครงการนวัตกรรมที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงในส่วนราชการ
จุดเด่นของทุนดังกล่าว คือ นอกจากผู้ได้รับทุนจะได้รับสถานภาพเป็นข้าราชการหรือพนักงานมหาวิทยาลัยแล้ว ผู้รับทุนยังจะได้รับการมอบหมายงานในสิ่งที่ตนเองมีทักษะ ความรู้ และนำโครงการนวัตกรรมที่นำเสนอมาผลักดันให้เกิดผล โดยมีหน่วยงานต้นสังกัดสนับสนุน ซึ่งจะต้องมีการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง และหากผ่านการประเมินก็จะได้รับเงินชดเชยค่าใช้จ่ายที่เล่าเรียนสูงสุดมากกว่า 3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่ทำกับส่วนราชการและสำนักงาน ก.พ.
สำหรับทุนสร้างสรรค์นวัตกรรมภาครัฐ รุ่นต่อไป คาดว่าจะเปิดรับสมัครในช่วงต้นปี 2552 ผู้สนใจติดตามข่าวการรับสมัครได้ทางเว็บไซต์สำนักงาน ก.พ. ที่ www.ocsc.go.th หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ email psis[at]ocsc.go.th
Refer to http://tsaj.org/smf/index.php?topic=1916.0;wap2
싼야민공- Phomthong's LiveTV 3G+ Online
phomthong on livestream.com. Broadcast Live Free
การทำศาสนสัมพันธ์ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
" ศาสนสัมพันธ์ เป็นการเสวนาระหว่างศาสนาเพื่อสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจที่ดีต่อกัน และเพื่อความดี ร่วมกันเน้นการ เสวนา และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียน ชุมชน และองค์กรต่างๆ รวมไปถึงการรักษาไว้ซึ่งคุณค่าของขนมธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และภูมิปัญญา ของท้องถิ่นด้วย "
คุณพ่อสมเกียรติ บุญอนันตบุตร ผู้จัดการแผนกศาสนสัมพันธ์ ฝ่ายงานอภิบาลและธรรมทูต
"ในสถานศึกษาหรือโรงเรียนต่างๆ ควรมีฝ่ายจิตตาภิบาล สนับสนุนให้ทุกคนเป็นศาสนิกที่ดีในศาสนาของตน เพื่อนำสู่การทำศาสนสัมพันธ์ โดย
•ปลูกฝังความเข้าใจเกี่ยวกับศาสนสัมพันธ์ การเสวนากับผู้ต่างความเชื่อ
•ส่งเสริมการเสวนาระหว่างศาสนาในทุกระดับ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เคารพให้เกียรติและร่วมมือกันสร้างสรรค์สังคมที่มีความยุติธรรม สันติสุข และความเป็น พี่น้องกัน
Dekdee Club Chat
Sunday, 15 March 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
วันเด็กแห่งชาติ
- ความหมายของเด็ก ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของคำว่า "เด็ก" ไว้ คือ "เด็ก" หมายถึง คนที่มีอายุยังน้อย ยังเล็ก อ่อนวัน เช่น เด็กชาย คือ คำนำเรียกเด็กผู้ชายที่มีอายุไม่เกิน 14 ปีบริบูรณ์ และ เด็กหญิง คือ คำนำเรียกเด็กผู้หญิงที่มีอายุไม่เกิน 14 ปี บริบูรณ์
- ประวัติความเป็นมาของวันเด็กแห่งชาตินั้น วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชยในวันทำงานถัดไป (วันจันทร์) มีการให้คำขวัญวันเด็กทุกปีโดยนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น
- กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันเด็กแห่งชาติ *ให้เด็กได้ตระหนักถึงคุณค่าบทบาท และความสำคัญของตนเอง *เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ในโรงเรียน หมู่บ้าน หรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน *เด็ก คือ ทรัพยากรที่สำคัญยิ่งของประเทศชาติ ซึ่งจะเป็นกำลังที่สำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า และมั่นคงอีกทั้งเป็นผู้ที่จะต้องเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เพื่อทำหน้าที่ดูแลสังคมตลอดจนเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ความเปลี่ยนแปลง และอื่น ๆ ฯลฯ *ดังนั้น ทุกสังคมจึงให้ความสำคัญแก่เด็ก และจัดให้มีวันเด็กขึ้นทุกปี เพื่อให้เด็กรู้ถึงความสำคัญของตนเอง จะได้ประพฤติปฏิบัติตนให้สมกับเป็นผู้ที่มีความสำคัญของประเทศชาติ ด้วยการตั้งใจใฝ่ศึกษาเรียนรู้ ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัย รู้จักการใช้เวลา ความคิด มีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ และซื่อสัตย์สุจริต ฯลฯ
- ดาวน์โหลดเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดี* เพลง หน้าที่ของเด็ก หรือเรียกกันติดปากว่าเพลง เด็กเอ๋ยเด็กดี เป็นเพลงที่มีเนื้อหาเตือนใจเด็กและเยาวชน เพื่อให้ระลึกถึงสิ่งที่ตนควรทำ ประพันธ์เนื้อร้องโดย ชอุ่ม ปัญจพรรค์ และทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน เพลงนี้มักเปิดในช่วงวันเด็กแห่งชาติ * เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน หนึ่ง นับถือศาสนา สอง รักษาธรรมเนียมมั่น สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน ห้า ยึดมั่นกตัญญู หก เป็นผู้รู้รักการงาน เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน แปด รู้จักออมประหยัด เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา เด็กสมัยชาติพัฒนา จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ
No comments:
Post a Comment